issuu
ก่อนบดยาหรือหักยาโปรดปรึกษาเภสัชกรก่อนนะจ๊ะ
บางคน ไม่ชอบกินยาเม็ดใหญ่ๆ จึงหักยา หรือไม่ก็บดยาผสมกับเครื่องดื่มต่าง ๆ
การทำแบบนี้ บางครั้งเป็นการทำลายยา ส่งผลให้ยาไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ตามที่ต้องการ มีกรณีหนึ่ง ที่ผู้ป่วยนิยมหักยา คือ กรณีที่ต้องใช้ยาขนาดสูง และต้องการประหยัดค่ายา เช่น
-
ยาขนาด 10 มิลลิกรัม ราคาเม็ดละ 20 บาท
-
ยาขนาด 20 มิลลิกรัม ราคาเม็ดละ 30 บาท
ผู้ป่วยที่ใช้ยา 10 มิลลิกรัม อาจเลือกใช้ขนาด 20 มิลลิกรัม แล้วหักครึ่งเม็ด เพื่อเป็นการประหยัดค่ายา
แต่ถ้าไม่จำเป็น แนะนำให้ซื้อขนาด 10 มิลลิกรัมไปเลย เพราะในเม็ดยาเม็ดหนึ่งนั้น อาจมีการกระจายของตัวยาไม่สม่ำเสมอ เช่น ซีกหนึ่งมีตัวยามาก อีกซีกมีตัวยาน้อย
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์และเภสัชกรว่า โรคที่เป็นและยาที่ใช้อยู่นั้น สมควรจะหักเม็ดยาหรือไม่
ทำไมถึงห้ามบดยาหรือหักยา ?
-
ยาบางชนิดรสชาติหรือกลิ่นแย่มาก จึงเคลือบน้ำตาลเพื่อกลบรสและกลิ่น หากนำไปบด หรือหัก จะเหม็นรุนแรงและขมชนิดที่ว่ากินแทบไม่ได้เลยทีเดียว
-
ยาบางอย่างได้รับการออกแบบให้ออกฤทธิ์เฉพาะจุด (enteric coat) เช่น แตกตัวในลำไส้เล็ก โดยจะมีขั้นตอนการผลิตที่เป็นเทคนิคพิเศษ การบดยาหรือหักยาทำให้ยาไปออกฤทธิ์ไม่ตรงจุดที่ต้องการ เท่ากับทำให้ยาเสื่อมประสิทธิภาพไป
-
ยังมียาชนิดออกฤทธิ์เนิ่น (sustain release) ซึ่งได้รับการออกแบบให้ค่อยๆปลดปล่อยตัวยาทีละนิดตลอดทั้งวัน การบดยาทำให้ได้รับยาขนาดสูงในคราวเดียว เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง และยาก็หมดฤทธิ์ไวด้วย
ส่วนการผสมยากับน้ำผลไม้ หรือนม
มีข้อพึงระวังคือ ยาบางตัว เช่นยาปฏิชีวะนะ จะไปจับกับนม ทำให้ยามีฤทธิ์น้อยลง
ด้วยเหตุผลทั้งหมด จึงควรสอบถามแพทย์ หรือเภสัชกรก่อน ว่ายาที่กำลังใช้อยู่สามารถบดและหักได้หรือไม่ค่ะ