issuu
หลักการเจริญพันธุ์ของผู้หญิง
ปกติธรรมชาติของผู้หญิงต่อมไฮโปธารามัส (Hypothalamus) จะกระตุ้นการทำงานของต่อมใต้สมองพิทูอิทารี (Anterior pituitary gland) ให้ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนโกนาโดโทรฟิน (Gonadotrophin) ประกอบด้วยฮอร์โมนสำคัญ 2 ชนิด คือ ฟอลลิเคิล สติมูเลติง ฮอร์โมน (Follicle stimulating hormone) เรียกย่อๆว่าเอฟเอสเอช (FSH) และ ลูติไนซิงฮอร์โมน (luteinizing hormone) เรียกย่อ ๆว่า แอลเอช (LH) ในผู้หญิง เอฟเอสเอช และแอลเอช จากต่อมใต้สมองส่วนหน้าจะทำให้รังไข่เจริญเติบโต เอฟเอสเอช จะกระตุ้นให้สร้างฮอร์โมน อีสโทรเจน (estrogen) ซึ่งเป็นฮอร์โมนหลักที่สำคัญเกี่ยวกับการทำงานและการแสดงออกของผู้หญิง ส่วนแอลเอช จะมีผลทำให้เกิดการตกไข่
ชนิดยาเม็ดคุมกำเนิด
- ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนผสม (Combined pills)
- ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Mini pills) ติดตามได้ที่บทความถัดไปค่ะ
J ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนผสม (combined pills) J
ประกอบด้วยฮอร์โมนอีสโทรเจน (estrogen) และฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนหรือโปรเจสตีน (Progestorgen) หลักๆในประเทศไทยมีแบบ 21 เม็ด 22 เม็ด 24 เม็ด และ 28 เม็ด โดยแบบ 28 เม็ด จะแบ่งเป็นเม็ดที่มีฮอร์โมน 21เม็ด ส่วนอีก 7 เม็ด เป็นเม็ดที่ไม่มีฮอร์โมนส่วนใหญ่เป็นเม็ดวิตามินบำรุงเลือด หรือเม็ดแป้งธรรมดา
หลักการทำงานของยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนผสม
อีสโทรเจนไปยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนเอฟเอสเอช ทำให้กดการเจริญของฟอลลิเคล
โปรเจสโตรเจนไปยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนแอลเอช ทำให้ไม่เกิดการตกไข่ และ ยังทำให้ช่องคลอดข้นเหนียวด้วยเยื่อเมือกส่งผลให้อสุจิเคลื่อนตัวผ่านเข้าไปผสมกับไข่ได้ยาก ทั้งอีสโทรเจน และ โปรเจสโตเจน มีฤทธิ์ทำให้ผนังมดลูกไม่เหมาะสมแก่การฝังตัวของตัวอ่อน นอกจากนี้ฮอร์โมนทั้งสองชนิดนี้ยังมีผลรบกวนต่อการบีบตัวของช่องคลอด ทางเดินปัสสาวะ และท่อนำไข่ด้วย ดังนั้นการที่อสุจิกับไข่จะเจอกันก็ยาก แต่ถ้าเจอกันแล้วก็ฝังตัวที่ผนังหมดลูกยาก ส่งผลให้ไม่เกิดภาวะตั้งครรภ์นั่นเอง
สามารถแบ่งรูปแบบยาเป็น 3 ประเภท ดังนี้
- โมโนฟาสิค (Monophasic combined pills) เป็นยาเม็ดคุมกำเนิดฮอร์โมนระดับเดียว ประกอบด้วยฮอร์โมนสำคัญ 2 ชนิด คือ อีสโทรเจน และโปรเจสโตรเจน
ชนิดแผง 21 เม็ด | ชนิดแผงละ 28 เม็ด |
มีฮอร์โมนเหมือนและมีปริมาณเท่ากันทุกเม็ด |
21 เม็ด มีฮอร์โมนเหมือนกันทุกเม็ด หรือ 24 เม็ด มีฮอร์โมนเหมือนกันทุกเม็ด |
- ไบเฟาสิค (Biphasic combined pills) เป็นยาเม็ดคุมกำเนิดฮอร์โมนสองระดับ ประกอบด้วยฮอร์โมนสำคัญ 2 ชนิด คือ อีสโทรเจน และโปรเจสโตรเจน ซึ่งใน 1 แผงแต่ละช่วงของเม็ดยาจะมีปริมาณฮอร์โมนที่ต่างกัน 2 ระดับ
ชนิดแผง 22 เม็ด |
7 เม็ดแรกฮอร์โมนเหมือนกัน อีก 15เม็ดหลังฮอร์โมนเหมือนกัน เพื่อเลียนแบบการหลั่งของฮอร์โมนตามธรรมชาติของผู้หญิง ดังนี้
|
- ไตรฟาสิค (Triphasic combined pills) เป็นยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีปริมาณฮอร์โมนสามระดับ ประกอบด้วยฮอร์โมน 2 ชนิด โดยผลิตขึ้นเพื่อเลียนแบบฮอร์โมน อีสโทรเจน และโปรเจสโตรเจน ในอัตราส่วนซึ่งคล้ายกับธรรมชาติของฮอร์โมนในรอบเดือนปกติของผู้หญิง
ชนิดแผงละ 28 เม็ด |
6 เม็ดแรกฮอร์โมนเหมือนกัน -> 5 เม็ดต่อมาฮอร์โมนเหมือนกัน -> 10 เม็ดต่อมาฮอร์โมนเหมือนกัน
-> 7 เม็ดท้าย เม็ดแป้งหรือวิตามิน
|
อาการไม่พึงประสงค์ของยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนผสม (Combined pills)
- ผลจากระดับอีสโทรเจนปริมาณสูง ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน ปวดศีรษะไมเกรน ประจำเดือนมามากกว่าปกติ ปวดท้องประจำเดือนมาก เต้านมโตเจ็บคัดเต้านม มดลูกโตและเลือดแข็งตัวง่าย เป็นต้น
- ผลจากระดับอีสโทรเจนต่ำ ได้แก่ ประจำเดือนมาน้อยกว่าปกติ เต้านมเล็ก มดลูกเล็ก มีเลือดคล้ายประจำเดือนกระปริดกระปรอย ซึ่งมาผิดปกติ ในช่วงระหว่างต้นเดือนถึงกลางเดือน
- ผลจากระดับโปรเจสโตรเจนสูง ได้แก่ น้ำหนักเพิ่ม เป็นสิว หน้ามัน ขนดก เต้านมเล็ก ตกขาวจากเชื้อรา
- ผลจากระดับโปรเจสโตรเจนต่ำ ได้แก่ มีเลือดคล้ายประจำเดือน โดยมาผิดปกติ ในช่วงหลังรอบเดือน
รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนผสมอย่างไรให้ถูกต้อง
เริ่มรับประทานยาเม็ดแรกในวันแรกที่มีประจำเดือน หรือระหว่างวันที่ 1-5 ของรอบเดือน โดยรับประทานยาวันละ 1 เม็ด ที่ดีที่สุดคือการรับประทานยาในเวลาเดียวกันของทุกวันเป็นประจำ
- ยาเม็ดคุมกำเนิดฮอร์โมนระดับเดียว (Monophasic combined pill)
แบบ 21 เม็ด รับประทานวันละ 1 เม็ด เวลาเดียวกันทุกวัน โดยรับประทานยาตามลูกศรหรือวันที่ระบุในเม็ดยาไปจนครบ 21 เม็ด หลังจากนั้นหยุดยาเป็นเวลา 7วัน และเริ่มรับประทานแผงใหม่ในวันที่ 8 (นับจากยาเม็ดสุดท้ายมา 8 วัน) โดยรับประทานยาในแผงต่อไปตามหลักการเดิม (ช่วง 7 วันที่หยุดยาประจำเดือนจะมาประมาณวันที่2หรือ3หลังจากรับประทานยาเม็ดสุดท้าย ไม่ต้องสนใจว่าประจำเดือนจะมากี่วัน แม้ว่าประจำเดือนยังคงมาอยู่หรือหมดไปแล้วก็ตาม)
แบบ 22 เม็ด รับประทานวันละ 1 เม็ด เวลาเดียวกันทุกวัน โดยรับประทานยาตามลูกศรไปจนครบ 22 เม็ด แล้วหยุดยาเป็นเวลา 6 วัน ไม่ควรรับประทานสลับหรือข้ามเม็ดยา โดยเริ่มรับประทานแผงใหม่ในวันที่ 7(นับจากหลังรับประทานยาเม็ดที่ 22 ) และรับประทานยาในแผงต่อไปเช่นเดิม (ในช่วง 6 วันที่หยุดยาประจำเดือนจะมาประมาณวันที่2หรือ3หลังจากหยุดยา ไม่ต้องสนใจว่าประจำเดือนจะมากี่วัน แม้ว่าประจำเดือนยังคงมาอยู่หรือหมดไปแล้วก็ตาม เมื่อครบ 6 วันแล้วให้เริ่มทานยาเม็ดแรกของแผงใหม่ได้ทันที่ตามเวลาเดิมที่เคยรับประทาน)
แบบ 24 เม็ด รับประทานวันละ 1 เม็ด เวลาเดียวกันทุกวัน โดยรับประทานยาตามลูกศรไปจนครบ 24 เม็ด แล้วหยุดยาเป็นเวลา 4 วัน ไม่ควรรับประทานสลับหรือข้ามเม็ดยา โดยเริ่มรับประทานแผงใหม่ในวันที่ 5 และรับประทานยาในแผงต่อไปเช่นเดิม (ในช่วง 4 วันที่หยุดยาประจำเดือนจะมาประมาณวันที่1หรือ2หลังจากหยุดยา ไม่ต้องสนใจว่าประจำเดือนจะมากี่วัน แม้ว่าประจำเดือนยังคงมาอยู่หรือหมดไปแล้วก็ตาม เมื่อครบ 4 วันแล้วให้เริ่มรับประทานยาเม็ดแรกของแผงใหม่ได้ทันที่ตามเวลาเดิมที่เคยรับประทาน)
แบบ 28 เม็ด ให้รับประทานยาทุกวัน โดยรับประทานยาให้ตรงเวลาทุกวัน ที่สำคัญต้องรับประทานยาตามลูกศรหรือเรียงตามวันที่ระบุไว้ข้างเม็ดยา ข้อดีของยาคุมแบบ 28 เม็ด ไม่ต้องกังวลกับการนับวันว่าจะต้องเริ่มแผงต่อไปเมื่อไร เพราะสามารถเริ่มแผงใหม่ได้เลยเมื่อรับประทานยาแผงเก่าครบ 28 เม็ด
- เป็นยาเม็ดคุมกำเนิดฮอร์โมนสองระดับ(Biphasic combined pill)
การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดไตรฟาสิค หรือฮอร์โมน 3 ระดับ (Triphasic combined pill) ชนิด 28 เม็ด ให้เริ่มรับประทานยาเม็ดแรกในช่วงสีแดงก่อน โดยรับประทานเม็ดยาที่ด้านหลังระบุให้ตรงกับวันแรกที่มีประจำเดือนมา รับประทานตามลูกศร วันละ 1 เม็ดเวลาเดียวกันทุกวัน ห้ามรับประทานข้ามเม็ดยา รับประทานยาจนหมดแผงแล้วเริ่มแผงใหม่ทันที ไม่ต้องหยุดยาโดยเริ่มยาเม็ดแรกให้เหมือนแผงแรก
กรณีที่ลืมรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดควรทำอย่างไร
- สำหรับยาเม็ดคุมกำเนิดที่ข้างกล่องระบุปริมาณฮอร์โมนเอทินิล เอสตร้าไดออล 30-35 ไมโครกรัม (Ethinylestradiol :EE 30-35 mcg) หากลืมรับประทานจำนวน 1-2 เม็ด (หรือเริ่มแผงใหม่ช้ากว่ารอบเดือนไป 1-2 วัน)
- สำหรับยาเม็ดคุมกำเนิดที่ข้างกล่องระบุปริมาณฮอร์โมนเอทินิล เอสตร้าไดออล 15-20 ไมโครกรัม (Ethinylestradiol :EE 15-20 mcg) 1 เม็ด(หรือเริ่มแผงใหม่ช้ากว่ารอบเดือนไป 1 วัน) ควรปฏิบัติดังนี้
กรณีลืมรับประทานยา 1 เม็ด |
ให้รับประทานยาทันทีในเวลาที่นึกได้ หลังจากนั้นรับประทานเม็ดยาวันปัจจุบันตามเวลาเดิม โดยไม่ต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วยหากมีเพศสัมพันธ์ |
กรณีลืมรับประทานยา 2 เม็ดติดต่อกัน 2 วัน |
โดยไม่ต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วยหากมีเพศสัมพันธ์
|
กรณีลืมรับประทานยา 3 เม็ดติดต่อกัน 3 วัน |
เฉพาะฮอร์โมนเอทินิล เอสตร้าไดออล 30-35 ไมโครกรัม (Ethinylestradiol :EE 30-35 mcg ) 3 เม็ดขึ้นไป (หรือเริ่มแผงใหม่ช้ากว่ารอบเดือนไป 3 วัน) กรณีนี้ให้รับประทานยาเม็ดแรกทันทีในเวลาที่นึกได้ ทิ้งยาเม็ดที่ 2และ3 ไป แล้วข้ามไปรับประทานยาเม็ดวันปัจจุบันตามเวลาเดิม แต่ให้ใช้วิธีการคุมกำเนิดรูปแบบอื่นร่วมด้วย จนกว่าจะรับประทานยาเม็ดฮอร์โมนติดต่อกันครบ 7 วัน |
เพิ่มเติม |
|
ข้อห้ามใช้/ข้อควรระวังในการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด
- ห้ามใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดในผู้ป่วยที่มีโรคเกี่ยวกับภาวะเลือดจับตัวเป็นลิ่มง่าย หลอดเลือดดำอุดตัน ลิ่มเลือดอุดตัน โรคหลอดเลือดสมองรวมถึงผู้ที่เคยมีประวัติเป็นโรคดังกล่าวข้างต้น
- ห้ามใช้ยาในผู้ที่เป็นมะเร็งหรือเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งที่เต้านม มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
- ห้ามใช้ยาในวัยรุ่นที่ยังมีการเจริญเติมโตของกระดูกยังไม่สมบูรณ์ เพราะจะทำให้กระดูกหยุดการเจริญเติบโต
- ไม่ควรใช้ยาในผู้ที่มีภาวะเลือดออกในช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ห้ามใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์
- หลีกเลี่ยงการใช้ หรือระมัดระวังการใช้ในผู้ป่วยโรคตับ ไมเกรน ความดัน หืดหอบชนิดคุมไม่ได้ เบาหวาน โรคลมชัก หากมีความจำเป็นให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง
เรียบเรียงโดย
ภก.กุญชร เหรียญทอง
26 พ.ย. 61